เมืองที่มีปัญหารถติดในอันดับต้นๆของโลก

ขึ้นชื่อว่ารถติดเป็นใครก็คงไม่อยากจะต้องพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้อย่างแน่นอน อาจจะด้วยความที่การที่เราเจอปัญหารถติดมันเป็นสิ่งที่คอยก่อกวนใจผู้ใช้รถใช้ถนนตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอารมณ์ที่หงุดหงิด อารมณ์เสียง่าย การพบเจอกับสภาวะอากาศเป็นพิษจากท่อไอเสียหรือสิ่งเผาไหม้ต่างๆ ที่ไม่สมควรแก่ร่างกาย อย่างไรก็ตามนี่คือเมืองที่ต้องยอมรับว่ามีปัญหาในเรื่องของรถติดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จะมีเมืองไหนกันบ้างลองมาทำความรู้จักกันดู

  1. กรุงเทพฯ ประเทศไทย – แค่พูดชื่อกรุงเทพฯ ทุกคนก็คงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะในปัจจุบันนี้กรุงเทพฯ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีสภาวะรถติดเป็นอันดับต้นๆ ของโลกไปเป็นที่เรียบร้อย สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนโยบายเรื่องการออกรถของภาครัฐ เรื่องการนิยมใช้รถส่วนตัวเพราะระบบการขนส่งยังไม่ทั่วถึง รวมไปถึงการพัฒนาของชนชั้นกลางที่สามารถซื้อรถได้ง่ายขึ้นก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีปัญหาเรื่องรถติดเป็นอย่างมาก
  2. นครอิสตันบูล ตุรกี – ถือว่าเป็นเมืองที่มีปริมาณการใช้รถยนต์ไม่น้อยไปกว่าที่อื่นในโลกสักเท่าไหร่นัก มีการเปรียบเทียบว่าหากเป็นช่วงเวลาในการเดินทางปกติสามารถเดินทางได้ในเวลา 30 นาที แต่ถ้าหากเป็นช่วงเร่งด่วนหรือช่วงเวลาที่ใช้รถเป็นจำนวนมากจะใช้เวลาเดินทางไปอีกหนึ่งเท่าตัวเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลของตุรกีเองก็พยายามที่จะจัดการปัญหาเหล่านี้ด้วยการลงทุนในเรื่องของสาธารณูปโภคเพื่ออำนวยความสะดวก
  3. เม็กซิโก ซิตี้ เม็กซิโก – ถือว่าเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมมานับตั้งแต่การจัดกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 1968 จากเวลาเพียง 4 ทศวรรษ ประชากรในเมืองแห่งนี้เพิ่มจาก 5 คน เป็น 22 ล้านคน อีกทั้งถนนหนทางของเมืองก็ตั้งอยู่ในพื้นที่เป็นหุบเขาซับซ้อน ทำให้ปัญหาในเรื่องของการใช้รถใช้ถนนมีมากขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอย่างไม่น่าแปลกใจ
  4. นิวยอร์ก สหรัฐฯ – ขึ้นชื่อว่าเป็นมหานครที่ไม่เคยหลับใหลแล้วมันก็ไม่เคยหลับใหลอย่างที่ผู้คนว่าเอาไว้จริงๆ เพราะหากใครเคยได้ไปสัมผัสกับมหานครแห่งนี้ในช่วงเวลาตี 4 คุณจะไม่อยากเชื่อว่าการจราจรของที่นี่ไม่ต่างอะไรกับช่วงเวลาเร่งด่วนเลยแม้แต่น้อย
  5. โยฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ – เคยมีผลสำรวจว่าสัญญาณไฟจราจรในเมืองนี้บั่นทอนจิตใจมากที่สุด เพราะมันขยับได้เพียงครู่เดียวก็ต้องติดอีกแล้ว และจากประชากรที่เพิมขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้อัตราการใช้รถยนต์ก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวด้วย